Home   กลอนธรรมะ    กลอนรัก    คำคมต่าง ๆ    กลอนทั่วไป    Wallpaper    Cartoon    Webboard

กลอนทั่วไป

ภูกระดึง
ภูกระดึงพึงยลเป็นหนแรก
พบความแปลกมากมีที่ได้เห็น
ธรรมชาติสร้างสรรค์สวรรค์เป็น
คนและสัตว์ต่างอยู่เย็นเอ็นดูกัน
เช้าดูหมอกบางบางรางสลัว
สีขาวมัวกว้างไกลสุดไพรสัณฑ์
ต่างซึมซับรับไอป่าพนาวัน
เป็นความฝันจริงแท้ได้แลมอง
แสงสุรีย์ลาลับกลับขึ้นใหม่
มาโลมไล้ได้ยลมิหม่นหมอง
ยามรุ่งสางตะวันแดงสาดแสงทอง
ต่างร่ำร้องถึงความงามยามพิศชม
พอสายหน่อยค่อยเดินเผชิญทุ่ง
ทางสุดรุ้งขอบฟ้าพาสุขสม
ทุกก้าวย่างทางไปใจภิรมย์
อาจขื่นขมมีบ้างเพราะทางไกล
ทิวทุ่งสนบนภูดูโสภา
สัตว์นานาร้องลั่นกันยกใหญ่
ชมธรรมชาติตามทางพลางก้าวไป
สัมผัสไพรเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทาง
ยามราตรีมีเสียงสัตว์ช่วยปัดเป่า
กล่อมเบาเบาดุจพิณได้ยินห่าง
ลมพัดพาความหนาวร้าวสรรพางค์
กายบอบบางยิ่งหนาวเหน็บเจ็บถึงทรวง
ภูกระดึงคือสวรรค์บันดาลสุข
ปลดปล่อยทุกข์หายไปไม่ต้องห่วง
ทิ้งความเหงาความท้อแท้ในแดดวง
พอกาลล่วงอยากหวนคืนพื้นป่าภู
ให้จำจดบทหนึ่งพึงท่องไว้
ขึ้นภูกระดึงเมื่อไรใจจงสู้
มีแต่เดินและเดินก้าวเดินดู
สัมผัสรู้ภูกระดึงพึงจดจำ
โดย จังกราน ธารณ์ไท

ชอบคนยิ้ม
เห็นใครยิ้มอิ่มใจไปตามเขา
ยิ้มยวนเย้าชื่นจิตไม่คิดหน่าย
ชอบยิ่งนักลักยิ้มดูพริ้มพราย
ยิ้มเฉิดฉายชวนชมน่าดมดอม
สตรีใดใคร่ยิ้มดูอิ่มอก
อยากกอดกกเคล้าคลึงดึงมาหอม
คงดียิ่งหากได้ลูบจูบพยอม
จะถนอมดุจผ้าราคาดี
ชอบยิ่งนักผู้หญิงงามพริ้งเพริศ
ดูเลอเลิศพิศมัยใจสุขี
มองหญิงใดใคร่ยิ้มอิ่มฤดี
ใจเปรมปรีด์ยิ้มรับพร้อมกับเธอ
เป็นความชอบส่วนตนคือคนยิ้ม
เปี่ยมเต็มปริ่มหัวใจใคร่เสนอ
เพื่อความรักสวยหรูดูเลิศเลอ
ยอมมอบใจให้เธอไปครอบครอง
มองทุกคราเวลาใดเกิดไออุ่น
ก็น้องนุ่นหุ่นเพรียวอยากเกี่ยวข้อง
ทั้งน้องกิ๊กน้องกบสบตามอง
อยากจับจองแอบกระหยิ่มเพราะยิ้มนาง
ซองเฮเคียวยิ้มสวยด้วยอีกคน
ใจกระวนเมื่อมองต้องยิ้มค้าง
เพราะเป็นรูปจูบเคล้าเพียงเบาบาง
เดี๋ยวเป็นด่างหมดงามจากน้ำลาย
อีกร้อยนางงามนักมักชอบยิ้ม
ดูเอิบอิ่มซาบซึ้งยิ้มผึ่งผาย
ยิ่งถึงคราเธอขำทำเนียมอาย
จะบ้าตายเพราะยิ้มทิ่มหัวใจ
โดย จังกราน ธารณ์ไท


ภูกระดึงหมายเลข ๑


ผานกเค้าแรกรู้จักทักฉันว่า
เชิญเถิดภราดาผู้ว้าเหว่
พักหัวใจจรจัดซึ่งซัดเซ
และถ่ายเททุกข์ระทดให้หมดใจ

กระดึงดังกระเดื่องแดนทั่วแผ่นหล้า
ฉันมาหามาตามความฝันใฝ่
อยากมาดูภูกระดึงซึ่งห่างไกล
เคยอยู่ในภูมินิมิตรเป็นนิจมา

ฝันถึงภูกระดึงงามในความหนาว
และเดือนวาวดาวสว่างกระจ่างจ้า
โพ้นท้องทุ่งแซมดอกไม้ลิบสายตา
ซึ่งลมเสียดสนซ่าหวานน่าฟัง

เมื่อทอดเท้าลงที่บ้านสีฐาน
เสียงกระดึงจึงกังวานหวานความหวัง
คนที่เคยคิดถึงกระดึงดัง
ก็กำลังจะขึ้นสู่ภูกระดึง


หนึ่งเป้หลังคล้องไหล่ไม่หนักนัก
แต่สัมภาระรักฉันหนักอึ้ง
ถ้าจะเหนื่อยก็เพราะหนักความรักรึง
คือรักซึ่งทิ้งทรากฝากรอยไว้

เมื่อร่างเหนื่อยล้าหนักเพียงพักหาย
แต่เหนื่อยหน่ายความรักพักไม่ได้
อ้างว้างไหมวันนี้ไม่มีใคร
เหมือนไม้ไพรเอื้อนถามถ้อยความนั้น

ปางเอยปางกกข่าปางว้าว่าง
ฉันผ่านปางเหมือนรักรานแล้วผ่านฉัน
ซำแรกโหยหอบฮักเหมือนรักอัน
จากไกลกันพร้อมพิษรักอิดโรย

ซำบอนบอนบังใบฉันไร้เพื่อน
ขอพักเรือนร่มใบให้หายโหย
ซำกกอกเหมือนโบกแซ่โศกโบย
มีลมโชยชื่นช้าที่ผาชัน

พร่านพรานแปแปลตามความรู้สึก
คือรักลึกแปรเป็นตื้นสะอื้นอั้น
ซำกกหว้าฉันลารักแตกหักนั้น
ในสภาพหวาดหวั่นขวัญกระเจิง

ปางกกไผ่พริ้วยอดไผ่ใจฉันอ่อน
ลมรักร้อนพัดล้อฉันก็เหลิง
ไม้ที่ซำกกโดนโค่นเพราะเพลิง
ฉันว้างเวิ้งเมื่อเพลิงรักผลักฉันล้ม

ซำแคร่เอยความรักได้ฟักใคร่
แคร่หัวใจแตกหักเมื่อรักล่ม
หลังแปปลื้มปรารถนาจะมาชม
ยินเสียงลมอยู่เบื้องบนสุดหนทาง

ลิบลิบแนวสนเหยียดต้นเสียดฟ้า
เหนือพรมแห่งทุ่งหญ้ากว้างกว่ากว้าง
สัมผัสปุยเมฆฉ่ำเหมือนน้ำค้าง
ฉันยอบร่างคารวะภูกระดึง

วาณิช  จรุงกิจอนันต์

ภูกระดึงหมายเลข ๒

คือพิภพที่ผูกพันที่ฝันหา
ไม่เคยขาดปรารถนาใคร่มาถึง
ฉันเคยร้อยลำนำความคำนึง
ภูกระดึงคือดินแดนอันแสนดี

ใต้ฟ้าครึ้มคล้อยคล้ำหนักน้ำฝน
ฉันเดินบนพื้นภูอยู่ที่นี่
ซึ่งสายขวัญเคว้งคว้างในบางที
เมื่อฉันเดินโดยที่ไม่มีใคร

เย็นย่ำแล้วตะวันลาผาหมากดูก
เหมือนใจถูกตะวันรอนลงอ่อนไหว
ตะวันลับรุ่งอรุณอุ่นละไม
แต่ตะวันแห่งหัวใจจักไม่เยือน

กระดุมเงินเหมือนอย่างน้ำค้างหยาด
สวยสะอาดปานว่าน้ำตาเปื้อน
ชีวิตนี้มีน้ำตาซึ่งพร่าเลือน
เป็นสิ่งเตือนใจตนทุกหนไป

ว่ายามดึกสำนึกหนาวจึงร้าวหนัก
เมื่อไร้รักอันละมุนเอื้ออุ่นให้
รอพบแสงแห่งอรุณอุ่นอุทัย
ซึ่งไม่เคยหาได้ในชีวิต

ผานกนางแอ่นงามยามเรื่อรุ่ง
ฟ้าที่คุ้งฟ้าไฟพราวไพจิตร
อยากให้แสงเสน่หาแห่งอาทิตย์
จุดนิมิตรเสน่ห์ให้ใครสักคน

จากป่าสนทุ่งหญ้าถึงป่าชัฏ
เงียบสงัดชุ่มฉ่ำชื้นน้ำฝน
ระริกผืนคลื่นแพรกระแสชล
เมื่อผ่านพ้นโผนพบสงบงัน

เพ็ญพบพานผ่านมาสบเพ็ญพบใหม่
เพ็ญหัวใจใคร่พบบ้างระหว่างฝัน
พบเพียงความอ้างว้างระหว่างวัน
เพ็ญพระจันทร์แห่งหัวใจหาไม่พบ


ธารสวรรค์ถ้ำใหญ่ใสสายน้ำ
ฝนกระหน่ำเพิงผาพาร่างหลบ
หนาวหยาดน้ำผ่านหินรินกระทบ
ฉันเหมือนศพรักกำลังรอหลั่งน้ำ

กับความรักแหลกสลายฉันตายแล้ว
ไร้แม้แก้วเกลื่อนศพอบกลิ่นร่ำ
นี่เหลือร่างค้างเดนโดยเกณฑ์กรรม
อันจะนำตนไปตามไฟเวร

อโนดาดวาดภาพไว้อาบอิ่ม
คือรอยยิ้มภูกระดึงซึ่งมาเห็น
ฉันเคยผ่านรอยพริ้มยิ้มเยียบเย็น
ยิ้มที่เข่นฆ่าชายมาหลายคราว

ภูกระดึงไร้ดาวเคยวาวหวาน
เมื่อมืดม่านเสน่หาแห่งตาสาว
คือดาวดับโดยเสียดายประกายสกาว
ฉันไร้ดาวมาฉายดูภูกระดึง

วาณิช   จรุงกิจอนันต์

ภูกระดึงหมายเลข ๓

กังสดาลแห่งหัวใจไร้ศัพท์เสียง
สงัดเพียงสายสวาทไกวขาดผึง
พร้องเพลงโศกสร้อยกำสรวลอยู่อวลอึง
ภูกระดึงไร้เสียงดังกังสดาล

ภาพมายาแห่งนิยายวายสวาท
ภวังค์วาดเว้าวอนว่าอ่อนหวาน
จะวกเวียนถวิลหวั่นกับวันวาน
เศร้าสะท้านทุกนาทีในชีวิต

ภูกระดึงแล้งดาววาวไสว
ดาวหัวใจวูบวับดับสนิท
เหลือซากสร้างสงครามในความคิด
ถูกหรือผิดอาฆาตชนะพ่ายอภัย

กระเช้าเอยกระเช้าสีดาฉันว้าเหว่
เหมือนเรือเร่ลอยตามสายน้ำไหล
สีดาเปิดกระเช้าน้อยไว้คอยใคร
เขามาไหมคนดีของสีดา

ฝอยน้ำฝนสนเจ้าชุ่มอุ้มฝอยฝน
เหมือนทุกข์ท้อระทดทนบนพรมหญ้า
เดือนก็ล่วงปีจะเลื่อนเลือนเวลา
สนจะว้าเหว่บ้างหรืออย่างไร

สนรับเสียงลมเสียดยืนเหยียดต้น
คล้ายคล้ายคนยืนคร้ามพิษความใคร่
เหมือนฉันที่อัปราได้พาไป
นิ่งอยู่ในความจำนนเยี่ยงคนแพ้

เล่นกับไฟซึ่งแรงกว่าสายฟ้าฟาด
เมื่อพลั้งพลาดใจจึงพร้อยด้วยรอยแผล
ดับเสียงดังกังสดาลสะท้านแด
ให้อ่อนแออับอายโหดร้ายนัก

ขื่นน้ำคำเคยขานหวานแล้วขม
ลอยอารมณ์หล่นแล้วแหลกลงแตกหัก
ใจดังหญ้าลู่ล้มโดยลมรัก
จะพัดพักหรือพัดพริ้วให้ปลิวไป

ฉันมาดูภูกระดึงซึ่งสดสวย
โดยแล้งด้วยกังสดาลหวานสดใส
กันดารโดยสรณะแห่งหทัย
จึงหัวใจประจงพร่ำถ้อยคำเพ้อ

เมื่อหลับเห็นตื่นหายฉันไห้หา
ปรารถนาเพียงเท่านั้นคือฝันเก้อ
รักละมุนร้างเหมือนเลือนละเมอ
ฝันถึงเธอแล้วทุกข์ทนสิ้นหนทาง

หนีหัวใจไข้รักรุมรุ่มและร้อน
เพื่อพักผ่อนหัวใจลงได้บ้าง
กระดึงแจ่มจรุงใจเหมือนไข้จาง
เย็นน้ำค้างเหมือนเย็นทั่วห้องหัวใจ

ดอยกระดึงซึ้งเสียดายสายน้ำค้าง
ฉันลาห่างภูแห่งดาวเมื่อคราวไข้
กังสดาลใจดังอีกครั้งใด
หวังจะได้กลับมาดูภูกระดึง

วาณิช   จรุงกิจอนันต์

Home    กลอนธรรมะ    กลอนรัก    คำคมต่าง ๆ    กลอนทั่วไป    Wallpaper    Cartoon    Webboard